รายงาน FBR : เด็กชายอายุ 13 ปี ตาบอดจากกับระเบิดของทหารพม่า เรากำลังพยายามที่จะช่วยเขา
รัฐกะเหรี่ยง ประเทศพม่า
วันที่ 22 มกราคม 2008

เพื่อนๆ ที่รัก

เราส่งเรื่องนี้มาจากทางเหนือของรัฐกะเหรี่ยงในพื้นที่ๆ ถูกทหารพม่าโจมตี ขอขอบคุณทุกท่านที่อธิษฐานเพื่อเด็กอายุ 13 ปี ในจดหมายฉบับนี้ ผู้ซึ่งโดนกับระเบิดของทหารพม่าจนตาบอด

วันนี้ เราไปยังที่หลบซ่อนของผู้พลัดถิ่น ทางด้านเหนือของหมู่บ้านเลคี ที่ถูกเผา ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเขตตองอูและเขตมูตรอ กองทหารพม่ามีค่ายทหารแห่งใหม่ห่างออกไปหนึ่งชั่วโมงเดินเท้าจากหมู่บ้านที่ถูกทำลายนี้ (เราได้ทำการสอดแนมค่ายดังกล่าวในวันนี้ และมันมีขนาดใหญ่มาก และอยู่ใกล้มากกับทั้งหมู่บ้านและใกล้กับที่หลบซ่อนของผู้พลัดถิ่นนี้ด้วย) หมู่บ้านเลคีถูกเผาทิ้งในวันที่ 15 และ 16 สิงหาคม 2007 ทุกคนหนีออกจากหมู่บ้าน และกองทหารพม่าได้วางกับระเบิดทั้งข้างในและรอบๆ หมู่บ้าน อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 16 พฤศจิกายน มีชาวบ้านบางคนได้ออกมาจากที่หลบซ่อน และกลับไปยังหมู่บ้านเพื่อไปดูว่าจะเอาอะไรออกมาจากหมู่บ้านได้บ้าง เด็กชายซา คเท ซอ อายุ 13 ปี (เรียนอยู่เกรด 2) อยู่กับครอบครัวของเขา เขานั่งอยู่บนท่อนไม้ในหมู่บ้านที่ถูกทำลายลง และทุบดินด้วยพร้า ขณะที่นั่งรอแม่ของเขาเก็บผัก ตอนที่เขาทุบดินด้วยพร้า มันทุบลงไปโดนกับระเบิดที่กองทหารพม่าฝังเอาไว้ที่นั่น มันระเบิดและทำให้ตาของเขาบอดทั้งสองข้าง ใบหน้าได้รับบาดเจ็บ รวมถึงลำตัวด้านบนด้วยเช่นกัน

เขาถูกส่งไปยังคลินิกเคลื่อนที่ชุมชน ซึ่งห่างออกไปเป็นระยะหนึ่งวันเดินเท้า แต่หลังจากที่ได้รับการรักษาเบื้องต้นแล้ว ทางคลินิกบอกว่า พวกเขาไม่สามารถช่วยเด็กชายคนนี้ได้ (เราได้ส่งรายงานออกมาในปลายเดือนพฤศจิกายน 2007)

ในวันนี้ ขณะที่เราอยู่ในที่หลบซ่อนของผู้พลัดถิ่น เตรียมที่จะเริ่มการรักษา เด็กชายคนนี้ก็ถูกพามาหาเราเพื่อรับการรักษา ตัวของเขางุ้มงอ และเดินลากเท้าอย่างหดหู่ เขามุดศีรษะลงขณะที่พี่ชายของเขาช่วยให้เขาเดิน การเห็นตาที่เสียหายของเขา ร่างเล็กๆ ที่คุดคู้ และจิตวิญญาณที่แตกสลาย ผมรู้สึกเศร้าเป็นอย่างยิ่ง ผมคุยกับเขา และอธิษฐานเผื่อเขา หลังจากดูดวงตา และถ่ายรูปไว้แล้ว (เพื่อส่งให้แพทย์สำหรับการวินิจฉัย) ผมบอกเขาว่า ผมไม่รู้ว่าเราจะช่วยได้หรือไม่ และเขาอาจจะไม่สามารถมองเห็นได้อีก แต่เราจะลองพยายามดู ผมดึงเขาเข้ามาใกล้ๆ พูดกับเขาและอธิษฐาน ผมลุกขึ้นและพูดกับหมอ และมีใครคนหนึ่งถามผมว่า ผมรู้สึกอย่างไร ผมไม่สามารถจะตอบได้ ผมเริ่มที่จะร้องไห้ ผมคุกเข่าลงข้างๆ เด็กชาย และพยายามที่จะรวบรวมจิตใจขึ้นมา

ผมพูดว่า “ผมเสียใจเป็นอย่างยิ่งกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมรู้สึกเศร้ากับเด็กเป็นอย่างมาก ในฐานะที่ผมเองเป็นพ่อของเด็กๆ สามคน มันทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดหัวใจ แต่มันไม่ใช่เพียงแค่ว่าเพราะผมเป็นพ่อคน และห่วงเด็กชายคนนี้ มันเป็นเรื่องของเด็กชายอายุ 13 ที่ไม่สามารถมองเห็นได้อีก เขาหวาดกลัว และสิ้นหวังอยู่ในที่ซ่อนตัวที่อยู่สูงขึ้นไปบนภูเขาสูงที่หนาวเย็น มันเป็นเรื่องของกองเผด็จการทหารที่วางกับระเบิด เข้าเผาหมู่บ้าน และโจมตีคนของเด็กชายนี้ นี่เป็นสิ่งที่ผิด และคำพูดใดๆ ก็ไม่สามารถที่จะหยุดมันได้ สิ่งนี้ต้องใช้การอธิษฐานและการลงมือปฏิบัติ

ผมลุกขึ้นมาอีกครั้ง และมองดูเด็กชาย ผมพูดว่า หนู เราจะพยายามอย่างดีที่สุดที่จะช่วยหนู เราอาจะทำได้ หรือทำไม่ได้ แต่เราจะพยายาม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ผมอยากให้หนูรู้ว่า พระเจ้าทรงรักหนู และทรงอยู่กับหนู พระองค์ทรงเจ็บปวดเช่นกัน และผมอยากให้หนูยืนตรงขึ้นมา หนูยังคงแข็งแรง แขนขายังทำงานได้ ถึงแม้ว่าหนูอาจจะมองไม่เห็นอีก แต่ยังมีอีกหลายสิ่งที่หนูยังทำได้ ยืนตรงขึ้นมา และเป็นผู้ชายอย่างที่หนูเป็น”

จากนั้น ผมประคองเขาขึ้นมา และพาเขาเดินรอบๆ สันเขา ขณะที่เราเดิน เด็กชายยืดไหล่ออก และเดินตัวตรง อย่างคล่องแคล่ว ด้วยเท้าที่มั่นคง เฉกเช่นชาวกะเหรี่ยงอื่นๆ

เมื่อเราตรวจดูตาเขาเสร็จเรียบร้อยแล้ว นี่คือสิ่งที่เราเห็น ตาข้างขวาของเขาดูแย่มาก ลูกตาเสียหาย กระจกตาและตาดำเหลือเล็กจนเรามองไม่เห็น แต่ตาข้างซ้ายดูดีกว่า แม้ว่ามันจะเสียหายไปมาก และมีบางสิ่งที่เหมือนกับเนื้อเยื่อของแผลเป็นบนกระจกตาและตาดำ แต่ในตาข้างซ้ายนี้ มันยังมีตาดำที่ยังคงอยู่ และเด็กชายบอกว่า เขาสามารถบอกได้ระหว่างความสว่างและความมืด ในตอนแรก อีลิยา หัวหน้าหมอของเราบอกว่า มันไม่มีหวังแล้ว แต่ผมขอให้เขาตรวจดูอีกครั้ง หลังจากที่อีลิยาตรวจดูอีกครั้งหนึ่ง เขาก็เปลี่ยนความคิด เราทั้งหมดตัดสินใจว่า มันควรค่าแก่ความพยายามที่จะส่งเขาไปที่ประเทศไทย ดังนั้น เรากำลังจะส่งเขาออกมาในตอนนี้ เพื่อจะดูว่าตาซ้ายของเขาจะรักษาหรือช่วยให้ดีขึ้นได้หรือไม่ อีลิยาให้ยาปฏิชีวนะหยอดตาแก่เขา และเขาเตรียมตัวที่จะออกเดินทาง มันจะต้องใช้เวลาเดินอีกหลายวัน แต่เราได้เตรียมการขอความช่วยเหลือจาก Karen National Union (ฝ่ายต่อต้านชาวกะเหรี่ยงเพื่ออธิปไตย) และหาทางที่ดีที่สุดที่จะพาเขาออกไปเท่าที่เราสามารถทำได้

ซา คเท ซอ อายุ 13 ปี บาดเจ็บจากกับระเบิดของกองทหารพม่า

Hsa K’Tray Saw, age 13, injured by a Burma Army landmine

ขอขอบคุณสำหรับความห่วงใยของท่านและคำอธิษฐาน
ขอพระเจ้าทรงอวยพรท่าน

หัวหน้าทีมบรรเทาทุกข์ จากภาคเหนือของรัฐกะเหรี่ยง ประเทศพม่า